ถือว่าเป็นกล้องอีกรุ่นที่สาวกนิคอนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีกล้องไหนที่เหมาะสมจะขึ้นแท่นความจางได้เท่ากับกล้อง Mirrorless Nikon 1 อีกแล้ว หลังทางค่ายเหลืองคาดดำพยายามเข็นออกมาหลายรุ่นจนจบที่ J5 และก็เงียบหายไปนานจนหลายคนคิดว่าทางนิคอนไม่น่าจะผลิตแล้วและอาจจะกระโดดไปทุ่มเทให้กับ Fullframe Mirrorless เป็นแน่แท้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีข่าวอัพเดตอะไรออกมา จนล่า Dpreview นำบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารในงาน CP+ ที่ผ่านมาพร้อมกล่าวถึงการนำ Nikon 1 กลับมาพัฒนาเพิ่มอีกครั้ง สอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ amateurphotographer เคยลงสัมภาษณ์ผู้บริหารตั้งแต่ 2016 ว่าพวกเขากำลังหาทางพัฒนากล้องรุ่นนี้ให้สูงขึ้นเพื่อตีตลาด Mirrorless
โดยในงาน CP+ ผู้บริหารNikon กล่าวถึงกล้อง Mirrorless รุ่นถูกลืมว่า “Nikon 1 มันยังไม่หายไปไหนเพียงแค่หลับอยู่ ซึ่งทางทางเราก็พยายามพัฒนาเทคโนโลยีให้รุ่นนี้เป็น larger-format เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม” สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2016 ของนาย Jordi Brinkman โปรดักส์เมเนเจอร์ ของนิคอนประจำประเทศอังกฤษที่ออกมาโต้เถียงข่าวลือในตอนนั้นว่านิคอนจะหยุดพัฒนา Nikon 1 แล้ว โดยนาย Jordi Brinkman กล่าวว่า “มันเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น และผมยืนยันว่า Nikon 1 ยังไม่ถึงทางตันโดยเราจะมีการพัฒนารุ่นนี้ต่อแน่นอน ส่วน J5 ที่ออกไปปีกว่านั้น(2015)ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าโดยเฉพาะในพื้นที่เอเชียที่เราสามารถกินส่วนแบ่งตลาดไปได้กว่า 10% ของตลาดมิลเลอร์เลส เราจะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเมื่อถึงเวลาที่สมควร”
วันนี้ Photo Update จะพาผู้อ่านมาย้อนอดีตไปดูสเปคกล้อง Nikon 1 ที่เคยสร้างความสงบให้ร้านค้าจนกลายเป็นตำนานเล่ากันมาว่าไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ลองไปดูกันว่าว่าพวกเขามีความเก่งอย่างไรและน่าสนใจขนาดไหน โดย NIKON1 J5 มากับคุณสมบัติถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วที่ 20 ภาพต่อวินาที พร้อมกับออโตโฟกัส, เซ็นเซอร์ CMOS และมีจุดโฟกัสอยู่ที่ 105 จุดทำให้สามารถถ่ายภาพกีฬาได้สบายๆ รายละเอียด 20.8 ล้านพิกเซลและยังถ่ายภาพยนตร์ความละเอียด HD ได้อีกด้วย สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 21,990 บาท ถือว่าสเปคที่ให้มากำลังดีไม่น้อยมากไปนักสำหรับกล้อง Mirrorless ในเวลานั้น ซึ่งหากมีการพัฒนาให้ดีขึ้นคาดว่าอาจจะลบคำสบประมาทที่แฟนคลับและสาวกค่ายอื่นล้อไว้ได้ ไม่มากก็น้อย ซึ่งต้องตามข่าวต่อไปว่าทางนิคอนอาจมีแผนนำกล้องตัวนี้ไปพัฒนาจนกลายเป็น Mirrorless Fullframe ในปีหน้าก็เป็นได้ ใครจะไปรู้