“การชมภาพยนตร์” สิ่งที่น่าโปรดปรานสำราญใจอย่างหนึ่ง หากใครอีกหลายท่านกำลังต้องการแรงบันดาลใจ หรือเพิ่มสิ่งที่น่าสนใจให้กับผลงานการถ่ายภาพของตัวเอง กานชมภาพยนตร์ย่อมเป็นหนึ่งในคำตอบที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดีกว่าสื่ออื่นๆ ช่วยจุดไฟแห่งความปรารถนาให้ลุกโชติช่วง และนี่คือภาพยนตร์ “10 อันดับภาพยนตร์ที่ช่างภาพทุกคนไม่ควรพลาด” โดย Fstoppers
*คำเตือน: ภาพยนตร์และคลิปบางเรื่อง มีเนื้อหาที่มีความรุนแรง คำพูดการใช้ภาษา และเรื่องเพศ
1. “One Hour Photo” (โฟโต้…จิตแตก)
จากผลงานการแสดงของ ยอดนักแสดงตลกผู้ล่วงลับ “Robin Williams” ที่พลิกบทบาทรับบทดราม่าในภาพยนตร์นี้ “One Hour Photo” คือภาพยนตร์เกี่ยวกับช่างเทคนิคภาพผู้โดดเดี่ยว วันหนึ่งเขาเกิดหลงใหลกับภาพถ่ายครอบครัวหนึ่งที่เขาล้างฟิล์ม รูปภาพเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ เขาจึงเริ่มคลั่งไคล้และเริ่มไล่ล่าตามพวกเขา ในที่สุดเมื่อเขาค้นพบความเป็นจริงที่ไม่ตรงกับจินตนาการในอุดมคติที่เขาสร้างไว้ เรื่องต่อจากนี้จะเกิดอะไรก็ต้องติดตามรับชมกันเอง (IMDB: 6.8/10)
2. “Rear Window” (หน้าต่างชีวิต)
Rear Window นับเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากอีกเรื่องของผู้กำกับชื่อดัง Alfred Hitchcock บทภาพยนตร์นั้นดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น “It Had to Be Murder” โดยที่เล่นกับพฤติกรรมชอบสอดรู้สอดเห็นของมนุษย์ แบบที่อาจเรียกได้ว่า “ถ้ำมอง” จนท้ายที่สุด ตัวของผู้ที่แอบไปมองเรื่องของคนอื่นเขาก็ต้องประสบชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างเดียวกัน
ภาพยนตร์ถูกถ่ายทำในพื้นที่จำกัด แต่Alfred Hitchcock กลับใช้มุมกล้องโดยผ่านทางมุมมองของตัวละครหลักชื่อเจฟฟ์ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งนับเป็นการใช้ภาษาภาพยนตร์อย่างเต็มที่ และได้รับการวิเคราะห์ว่า มีเนื้อหาที่เสียดสีคนในสังคมเมืองใหญ่ที่อยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีใครสนใจกันและกัน ซึ่งสาระสำคัญของการเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องเล็ก ๆ แต่ขยายลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตนั้น ก็ได้กลายเป็นแนวทางของภาพนตร์ในยุคต่อมาอีกหลายเรื่อง เช่น Chinatown ในปี ค.ศ. 1974 หรือ All The President’s Men ในปี ค.ศ. 1976 เป็นต้น (IMDB: 8.5/10)
3. “(Untitled)”
ภาพยนตร์ตลกนอกกระแส ที่แฝงไปด้วยมุกตลกเสียดสีสังคม เรื่องราวของนักแต่งเพลงหนุ่มที่มีสัมพันธ์ลับเจ้าของแกลอรี่แสดงผลงานภาพถ่าย และความวุ่นวายระหว่างเขากับพี่ชายตัวเอง จะสนุกเพียงใดก็ต้องรับชมกันเอง (IMDB: 6.3/10)
4. “Finding Vivian Maier” (คลี่ปริศนาภาพถ่ายวิเวียน ไมเออร์)
ภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม เรื่องราวในปี 2007 ชายหนุ่มชื่อ จอห์น มาลูฟ ประมูลกล่องฟิล์มเนกาทีฟมาหนึ่งกล่อง หวังจะเจอภาพเก่าๆ ที่เอามาใช้ประกอบหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขากำลังเขียนอยู่ได้ มาลูฟไม่เจอภาพที่ต้องการ แต่สิ่งที่เขาเจอคือรูปภาพจำนวนมหาศาลจากช่วงยุคทศวรรษ 50 ที่ผู้หญิงคนหนึ่งถ่ายทิ้งเอาไว้ ผู้หญิงที่ซึ่งทุกวันนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ช่างภาพสตรีทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับการค้นพบในศตวรรษที่ 21” (IMDB: 7.7/10)
5. “Proof”
6. “Blow-Up”
ภาพยนตร์สืบสวน-ระทึกขวัญจากผู้กำกับระดับตำนานชาวอิตาลี Michelangelo Antonioni ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลOscar 2 สาขา Best Director และ Best Writing เรื่องราวเกี่ยวกับช่างภาพแฟชั่นในยุค Swinging London นำแสดงโดย David Hemmings ที่เชื่อว่าตนได้บันทึกภาพเหตุการณ์ฆาตกรรมบนฟีล์มถ่ายรูป (IMDB: 7.6/10)
7. “The Killing Fields” (ทุ่งสังหาร)
ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ซึ่งกล่าวถึงประเทศกัมพูชาในยุคการปกครองของเขมรแดง โดยอาศัยเค้าโครงเรื่องจากประสบการณ์จริงของนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เข้าไปทำข่าวในกัมพูชาขณะนั้น 3 คน ภาพยนตร์นี้ชนะรางวัลOscarถึง 3 สาขา Best Actor in a Supporting Role, Best Cinematography และ Best Film Editing ภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลายฉากที่ถ่ายทำอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะวัฒนธรรมและภูมิประเทศใกล้เคียงกับประเทศกัมพูชามากที่สุด เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น แม้จะสิ้นสุดยุคของเขมรแดงแล้ว แต่ประเทศกัมพูชาก็ยังคงเกิดสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง การเข้าไปใช้สถานที่จริงถ่ายทำจึงไม่ปลอดภัย (IMDB: 7.9/10)
8. “War Photographer”
9. “The Salt of the Earth”
10. “City of God” (เมืองคนเลวเหยียบฟ้า)
ภาพยนตร์สารคดี เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเมือง ริโอ เน จาเดโร เมืองที่ได้ชื่อเป็นเมืองแห่งพระเจ้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างขัดกันอย่างหนัก ภาพยนตร์เล่าเรื่องผ่านตัวเอกที่มีความฝันอยากจะเป็นช่างถ่ายภาพและนักหนังสือพิมพ์แต่เติบโตมากับความรุนแรง การปล้น วัยรุ่น เด็ก ถือปืน ฆ่ากันแต่ละวันเป็นเรื่องปกติ (IMDB: 8.6/10)
ที่มา : Fstoppers