Adobe กำลังถูกฟ้องร้องโดยช่างภาพที่อ้างว่าสูญเสียงานมูลค่า 250,000 เหรียญเพราะโปรแกรมของบริษัท

หากว่าผลงานของคุณสูญหายเพราะโปรแกรมบางอย่าง หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติเล็กน้อยไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด แต่ถ้าหากมันมีมูลค่าสูงถึง 250,000 เหรียญ หรือประมาณ8,222,375.00 บาทละ คุณจะทำอย่างไร?

คดีฟ้องร้องนี้เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียโดย ช่างภาพDave Cooper อ้างว่าเขาใช้ Premiere Pro CC 2017 เวอร์ชัน 11.1.0 และซอฟต์แวร์นั้นดันไปลบไฟล์สำคัญเข้า โดยมันถูกตั้งให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยซ้ำ Dave จึงฟ้องร้องค่าเสียหายจาก Adobe เพราะข้อบกพร่องของ Premiere Pro ที่ลบไฟล์รูปภาพและวิดีโอของเขาเป็นจำนวนมาก

เกิดอะไรขึ้นกับ Premiere Pro?

Premiere Pro มีฟังก์ชันที่เรียกว่า Clean Cache ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้เพื่อล้างไฟล์ชั่วคราวที่สร้างขึ้นในระหว่างการทำงานในโปรเจควิดีโอ เมื่อโปรเจคเสร็จสิ้น Clean Cache สามารถลบไดเร็กทอรี Media Cache และไดเร็กทอรีย่อยของไฟล์ชั่วคราวเหล่านี้เพื่อเพิ่มเนื้อที่ดิสก์อีกครั้ง

ในปีพ. ศ. 2560 ผู้ใช้รายงานว่า Clean Cache ทำงานเกินกว่าที่ตั้งใจไว้และลบไฟล์ที่อยู่นอกไดเร็กทอรี Media Cache ทำให้ Adobe ได้ออกมายอมรับข้อผิดพลาดและรีบแก้ไขในเดือนพฤษภาคม 2560

ซึ่งก็คือ Premiere Pro CC 2017 เวอร์ชัน 11.1.1 โดยจะปรับปรุงเปลี่ยนลักษณะการทำงานของการลบMedia Cache จะมีการลบเฉพาะไฟล์ที่อยู่ในไดเรกทอรีย่อยของโฟลเดอร์ Media Cache เท่านั้น ไฟล์ที่อยู่นอกโฟลเดอร์นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบอีกต่อไป

กรณีของ Dave Cooper

Dave กล่าวว่าหลังจากที่ย้ายโฟลเดอร์ Media Cache ไปยัง external drive เขาได้ดำเนินการคำสั่ง Clean Cache และพบว่าโปรแกรมลบไฟล์ทั้งหมดที่เก่ากว่า 90 วันในไดเรกทอรี Videos ของเขาในไดรฟ์ รวมถึงไฟล์ JPEG ไฟล์ PSD ไฟล์ PDF และ 100,000 คลิปวิดีโอ แต่ละชิ้นงานแสดงภาพประมาณ 500 ชั่วโมง ระหว่างปีพ. ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2560 ในประเทศต่างๆทั่วโลกที่เขาบันทึกหมดเกลี้ยง

เขาจึงปรึกษาทนายความของเขาและพยายามที่จะจัดการปัญหากับ Adobe แต่ Adobe ปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกเขา Dave จึงตอบโต้ด้วยการยื่นฟ้อง ตอนนี้เขากำลังเรียกร้องให้คณะลูกขุนตัดสินคดีเพื่อให้ได้รับ”ความยุติธรรมจากความเสียหายทางการเงิน รวมถึงค่าชดเชยความเสียหายโดยบังเอิญหรือผลสืบเนื่องใดๆ ในจำนวนที่ศาลหรือคณะลูกขุนพิจารณาตามกฎหมายที่บังคับใช้”

ทนายของเขากล่าวว่า

Dave Cooper เป็นช่างภาพที่มีประสบการณ์และความสามารถในเชิงพาณิชย์ เป็นทั้งช่างภาพและบรรณาธิการวิดีโอ โจทก์ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆมากกว่าสิบสองแห่ง ตามการมอบหมายงานด้านบรรณาธิการโฆษณาและองค์กรภาครัฐชั้นนำ

บันทึกภาพและวิดีโอโดยใช้อุปกรณ์วิดีโอระดับมืออาชีพเช่น Canon C100 และ Canon 5D Mark II และ Mark III ฯลฯ โจทก์ประมาณการว่าภาพฟุตเทจนี้มีมูลค่าประมาณ 250,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้โจทก์ยังบอกว่าเขาได้ค่าลิขสิทธิ์คลิปต่อปี โดยปกติเป็นเงินประมาณ 300 เหรียญแต่ละคลิป

ถือว่าเป็นกรณีศึกษาอย่างหนึ่ง หากคุณไม่ต้องการให้ฝันร้ายนี้เกิดขึ้นกับคุณ ควรใช้กฎ 3-2-1 คือ สำรองไฟล์สำเนาอย่างน้อย 3 ชุดสำหรับแต่ละไฟล์ ในอุปกรณ์ 2 เครื่อง โดยเก็บสำเนาไว้ในอุปกรณ์จัดข้อมูล 1 ชุด

ที่มา : petapixel