การได้มีโอกาสจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายของตนเองถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของช่างภาพหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวยเท่านั้น แต่เงินที่ต้องจ่ายไปนั้นไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ทั้งค่าเช่าสถานที่ ค่าล้างรูปและอื่นๆจิปาถะที่ต้องจ่าย รวมไปถึงชื่อเสียงและเสน่ห์ของภาพที่ทุกคนมองแล้วต้องอุทานในความสวย ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำนิทรรศการภาพให้สมใจคนถ่ายแต่สำหรับช่างภาพสมัครเล่นวัย 80 ปี ที่ตอนนี้เขาได้ความฝันนั้นมาครองจากการถ่ายภาพสิงคโปร์มากว่า 50 ปีภายใต้ชื่อนิทรรศการ Passing Time โดยงานนี้ objectifs แกลเลอรี่ด้านภาพถ่ายจัดแสดงเองเลยทีเดียว
Lui Hock Seng ช่างภาพขิงแก่ไฟแรง
Lui Hock Seng ชายชราวัย 80 ปีประกอบอาชีพหลักเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ตึก Singapore Press Holdings พร้อมพกอาชีพเสริมคือช่างภาพสมัครเล่นที่มักจะรับงานถ่ายภาพแต่งงาน โดยเขาฝึกถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1950 สมัยลุง Lui ยังหนุ่มเขามักจะพกกล้องถ่ายภาพตัวเก่งของเขาออกตะเวนเก็บภาพในสถานที่ต่างๆ ที่เขาไปในสิงคโปร์ แม้บางสถานที่ในภาพอาจจะหายไปตามกาลเวลาหรือเปลี่ยนแปลงไปจนจำไม่ได้ แต่ภาพถ่ายจากฟิล์มสีเนกาทีฟของลุงกลับชุบชีวิตเรื่องราวในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิถีชีวิตของชาว kampong ที่มักจะอาศัยอยู่ในประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซียและสิงคโปร์ที่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนชีวิตจนกลมกลืนไปกับคนท้องถิ่นแล้ว ซึ่งภาพถ่ายของลุง Lui ทำให้เราได้เห็นภาพในอดีตนั้นกลับมาอีกครั้ง หรือแม้แต่พ่อค้าเนื้องูในเขตไชน่าทาวน์ที่ปัจจุบันก็หาดูได้ยากเช่นกัน และอาชีพรับจ้างเขียนจดหมายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หายไปหลายสิบปีหลังจากการศึกษาเข้าถึงผู้คนทุกชนชั้น ซึ่งภาพถ่ายของ Lui Hock Seng ถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตและความทรงจำที่น่าประทับใจไว้ได้อย่างสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ แม้ทุกวันนี้ลุง Lui จะอยู่ในช่วงวัยชรากับลูกอีกสามคนแล้วก็ตามแต่ลุงก็ไม่หยุดที่จะพากล้อง DSLR ของเขาออกผจญภัยถ่ายภาพเป็นประจำแถมยังรับงานถ่ายภาพตามงานแต่งและงานศพมาตลอดหลายปีจนถึงการส่งภาพประกวดล่ารางวัลซึ่งด้วยฝีมือของแกแล้วก็ไม่พลาดที่จะคว้ารางวัลมานอนกอดที่บ้านได้หลายใบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นขิงแก่ไฟแรงของวงการถ่ายภาพสิงคโปร์เลยก็ว่าได้
จุดเริ่มต้นของนิทรรศการ Passing Time
จุดเริ่มต้นของนิทรรศการวัยดักแก่ครั้งนี้เกิดจากชายสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอยู่คนละที่แต่ประทับใจในภาพถ่ายของช่างภาพนาม Lui Hock Seng หลังบทความสัมภาษณ์ของเขาลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Straits Times ทำให้พวกเขาได้เดินทางผ่านรูปถ่ายมาเจอกันในที่สุด
ประกายแสงของงานนี้เริ่มต้นจากนายนิโคลัส เจนตี้ (Nicolus Genty) วิศวกรปิโตรเคมีเล่าถึงวินาทีที่เขาต้องมนต์ภาพตลาด Teochew ย่าน คลาร์กคีย์ ซึ่งถ่ายไว้ในปี 1960 โดยฝีมือมือลุง Lui ว่า “ผมตกหลุมรักทันทีที่เห็นภาพนี้ทั้งเรื่องราวในภาพ การจัดวางองค์ประกอบ แสง และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในภาพ มันมีเสน่ห์ชวนหลงใหลเอามากๆ และภาพนี้ภาพเดียวทำให้ผมเชื่อว่าคุณลุงเขามีมุมมองการจัดแสง การวางองค์ประกอบที่เหนือกว่าคนทั่วไปแน่ๆ และภาพนี้เป็นภาพที่หาดูยากมากๆ” จากความหลงใหลในภาพนี้นำไปสู่การติดต่อพูดคุย ทำความรู้จักและขอซื้อภาพตลาด Teochew จากช่างภาพชราและภาพดังกล่าวก็กลายเป็นภาพแรกในชีวิตที่เขาขายได้ แต่ความประทับของนายช่างวิศวปิโตรฯ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เขารู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันให้คนทั่วไปได้ชมงานคุณภาพแบบนี้ จึงมีแผนที่จะจัดนิทรรศการภาพถ่ายให้คุณลุงโดยพยายามติดต่อหาแกลลอรี่หลายๆ แห่งรวมไปถึง Objectifs ที่นาย ไรอัน ชอร์ (Ryan Chau) ดูแลอยู่
เป็นรูปเป็นร่าง…
ไรอัน ชอว์ (Ryan Chau) ผู้จัดการแกลลอรี่ Objectifs วัย 39 ปีกล่าวว่าเขามีความสนใจในงานของ Lui Hock Seng อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาและเมื่อได้รับการติดต่อจาก Genty ทางอีเมล์แล้ว เขาตอบรับงานนี้ทันทีโดยไม่ลังเล
เมื่อการทำงานเริ่มต้นขึ้น โดยลุง Lui ส่งรูปมาให้ทีมงานกว่า 500 ภาพเพื่อให้นายชอร์ได้เลือกภาพที่จะใช้จัดแสดง รวมถึงระบุสถานที่ต่างๆ และยังมีภาพในฟิล์มฟิล์มสีเนกาทีฟที่ถูกเก็บไว้ในกล่องกระดาษที่เก็บไว้ในบ้านมาเป็นเวลานาน ซึ่งฟิล์มเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ทีมงานต้องจัดการทำความสะอาดก่อนจะล้างออกมาคัดเลือก กว่าจะเลือกภาพที่จะใช้จัดแสดงได้ พวกเขาต้องใช้เวลากว่า 3 เดือนถึงจะสามารถคัดเลือก 40 ภาพที่สวยที่สุดและชวนหลงใหลมากที่สุดออกมาจัดแสดงในงาน Passing Time ได้ โดยนายชอร์กล่าวปิดท้ายว่า เขาอยากจะส่งต่อแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากภาพถ่ายเหล่านี้ส่งต่อไปยังผู้ชมที่มาในงานพร้อมหวังว่าผลงานของ Lui Hock Seng ช่างภาพชราคนนี้จะทำให้สิงคโปร์อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของชีวิตที่สวยงามอีกครั้ง
ที่มา : https://www.objectifs.com.sg/passing-time/,http://www.bbc.com