Nikon  ยันเอง Fullframe Mirrorless มาแน่นอนฤดูใบไม้ผลิปี 2019 

เป็นเรื่องราวมหากาพย์ไม่แพ้ใครสำหรับกล้อง Mirrorless Fullframe ค่ายนิคอนที่ไม่ค่อยจะมีข่าวความคืบหน้าเท่ากับคู่แข่งรายใหญ่อย่างแคนอนที่เรียกว่าทางหนอนแดงมีข่าวหลุดมาให้ชงกันเกือบทุกเดือนตั้งแต่ดีไซน์ยันถึงสเปคและข่าวเปิดตัว สวนทางค่ายเหลืองที่ย้อนเวลาไปีที่เป็นข่าวจริงๆ เนื้อๆคือตอนปลายปีที่แล้ว ทางนิคอนมีความคิดจะทำ Mount ใหม่เพื่อรองรับกับกล้องไร้กระจกที่จะออกในไม่ช้า แต่หลังจากเจอกระแสบ่นเรื่องเทสาวกไปชุดใหญ่ ค่ายนิคอนเก็บตัวเงียบไม่มีข่าวออกมาให้เห็นในเรื่องนี้เลยจนมาในเดือนเมษายนต้นเดือนมีข่าวเล็กหลุดมาว่าพวกเขากำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อเปิดตัวในปีหน้า  การออกมาให้ข่าวครั้งนี้ก็ถือว่าผู้บริหารนิคอนทำนายไว้ไม่ผิดแม้จะคลาเคลื่อนไปบ้างสำหรับนิคอนแต่ก็ไม่ผิดความคาดหมายสำหรับทั้งสองค่ายที่พยายามเร่งเครื่องเพื่อบุกตลาดกล้องอีกครั้งหลังปล่อยให้ Sony ทำกำไรไปบานเบอะเป็นปี  จากเว็บไซต์ NikonEye  จับคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารนิคอนที่ให้สัมภาษณ์ผ่านถึงเรื่องนี้ว่า “ตอนนี้ทางทีมงานกำลังเร่งพัฒนาในเรื่องนี้อยู่และคาดว่าน่าจะเริ่มโชว์ตัวตัวได้ในช่วงใบไม้ผลิปี 2019 นะ”  ซึ่งทางเว็บไซต์ดังอย่าง Nikoneye คาดการณ์ว่า Fullframe Mirrorless ตัวแรกของค่ายน่าจะมาในระบบใหม่พร้อมความระเอียดระดับ 30 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ phase-detection และmount เลนส์ใหม่รวมถึงเลนส์แบบใหม่ที่จะมาพร้อมกันด้วย โดยเดาว่ากล้องใหม่น่าจะรองรับการใช้ F-Mount ออโต้โฟกัสได้สบายๆ  ถือว่าเป็นไปตามคาดหมายของหลายฝ่ายทั้งหนังสือพิมพ์แดนปลาดิบที่ทำนายนิคคอนต้องพยายามเร่งเครื่องสร้าง Mirrorless ให้เสร็จทันเดือนมีนาคม 2019   ถือว่าเป็นข่าวที่ดีสำหรับสาวกนิคอนที่จะได้เตรียมเงินซื้อกล้องเรือธงใหม่ที่น่าจะไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนรุ่น J1 ที่หลายคนส่ายหน้ากับคุณภาพที่เต็มที่ของมัน       

สัมภาษณ์ Conor McDonnell แบรนด์แอมฯนิคอนวัย 26 ปี กับ ความหวัง และความฝันที่ยิ่งใหญ่

ทุกคนย่อมมีความฝัน เป้าหมายสำคัญที่ตนอยากไปให้ถึง ความฝันของช่างภาพหลายต่างก็ฝันที่จะได้ถ่ายภาพที่สุดยอด อลังการและหากได้รับการสนับสนุนจากบริษัทกล้องแบรนด์ดังในเรื่องอุปกรณ์แล้วละก็ คงเป็นความฝันที่สุดยอดจนหลายคนต้องอิจฉาแน่นอน แต่เชื่อไหมว่ามีช่างหนุ่มวัย 26 ปีที่บุกเบิกเส้นทางการถ่ายให้ตนเองจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนิคอน หลังจากพยายามสร้างชื่อเสียงให้ตนเองมาตั้งแต่ตั้งแต่ 16 ปี เขาเดินตามฝันอย่างไม่ลดละจนมาเป็นสุดยอดช่างภาพรุ่นใหม่ที่หลายคนจับตามอง และยังได้เป็นช่างภาพงานแต่งในงานของ Kanye West and Kim Kardashian ไฮโซชื่อดังของอังกฤษเลยทีเดียว งานนี้เว็บไซต์ชื่อดัง Petapixel มีโอกาสได้จับช่างภาพฮอตคนนี้มาพูดคุยถึง เส้นทางชีวิต ความฝัน ความสำเร็จกันแบบเจาะลึก Peta Pixel : เล่าถึงเส้นทางชีวิตกว่าจะได้มาเป็นนักสร้างภาพ? Conor McDonnell : เป็นอุบัติเหตุที่ผมไม่คาดคิดเหมือนกันที่ผมได้เข้าสู่ถนนนักถ่ายภาพ  ตอนผมอายุ 16 ปี ช่วงนั้นมีคอนเสิร์ตที่ผมอยากเข้าไปดูมากแต่ผมซื้อตั๋วไม่ทัน ผมพยายามคิดหาวิธีที่จะได้เข้าไป และด้วยประสบการณ์เป็นแฟนคลับตามดูหลายคอนเสิร์ตผมมักจะเห็นเหล่าช่างภาพทำงานอยู่ในนั้น เดินเข้าออกได้หลายที่ ทำให้รู้สึกว่าอาชีพนี้มันโคตรคูลเลยผมอยากจะเดินทางสายนี้บ้าง ผมจึงพยายามติดต่อทีมงานผู้จัดเพื่อขอบัตรสื่อเพื่อผมจะได้เข้าไปถ่ายเก็บภาพตรงนั้นแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ซึ่งสุดท้ายก็มีอยู่วงหนึ่งที่อนุญาตให้ผมได้ลองไปเรียนรู้ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพช่างภาพของผมเลย ในตอนนั้นผมมีแค่ความรู้พื้นฐานถ่ายภาพเท่านั้น  ในการถ่ายภาพคอนเสิร์ตครั้งแรกของผมผมใช้โหมดออโต้ แต่หลังจากงานเริ่มไปได้ 30 วินาที ผมกลับมาตรวจสอบรูปและพบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผมรีบปรับเป็นโหมดแมนนวลทันที ภายหลังจบงานผมส่งจดหมายไปกว่า 100 แห่งแต่มีเพียง 2 … Read more

แทมรอนหวังเอาใจคอโซนี่ ปล่อยTamron 28-75 mm F/2.8 Di III RXD  ในราคามิตรภาพ 

  เป็นข่าวคราวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ทางแทมรอนมีการประกาศว่าจะปล่อยเลนส์ 28-75 mm F/2.8 Di III RXD  เอาใจสาวกโซนี่ฟูลเฟรมเต็มพิกัด โดยสื่อส่วนใหญ่ได้ลองจับต้องมาบ้างแล้วในเวอร์ชั่นโปรโตไทป์ในงาน CP+ แต่ทางผู้บริหารยังไม่ยอมบอกรายละเอียดออกมามากนักสำหรับเจ้าเลนส์รูปหล่อตัวนี้ โดยเฉพาะเรื่องของกระจก Sony FE ที่ถือว่าเป็นพระเอกของเลนส์ตัวนี้ก็ไม่มีหลุดอกมาให้ชมแม้แต่นิดเดียว   และในที่สุดเช้าวันนี้ Tamron ประกาศวางขายและเปิดเผยรายละเอียดของเลนส์น้องใหม่รวมถึงราคาค่าตัวที่เหล่าช่างภาพเตรียมทุบกระปุกหมูรับขวัญ โดยทางแทมรอนเองออกมายืนยันว่าแทมรอนเป็นเจ้าแรกที่ผลิตเลนส์ Mount Sony FE ออกมาเป็นรายแรก งานนี้แทมรอนยังปล่อยวีดีโอแนะนำตัว Tamron 28-75 mm F/2.8 Di III RXDมาด้วย  สำหรับตัวเลนส์ออกแบบให้เข้าพวกกับกลุ่มกล้องโซนี่ฟูลเฟรม มิลเลอร์เลสพร้อมทั้งยังให้ความสำคัญด้านเทคนิคอย่างเรื่องของคุณภาพเลนส์ น้ำหนักและออโต้โฟกัสที่เงียบ โดยเลนส์ตัวนี้จะมีน้ำหนักเพียง 550 กรัมเท่านั้น ความยาวอยู่ที่ 11.6 เซนติเมตร ส่วนตัวบอดี้ใช้ polycarbonateแทนการใช้เหล็กเพื่อลดน้ำหนักของเลนส์แต่ยังสามารถที่จะพกสุดหล่อออกตะลุยสถานที่หนักๆได้เพราะยังป้องการเรื่องฝุ่นละอองและละอองน้ำได้ดีเช่นเดิม  ส่วนชิ้นเลนส์มีด้วยกันทั้งหมด 12 กลุ่ม 15 ชิ้นส่วนรวมไปถึง XLD(eXtra Low Dispersion) LD  (Low Dispersion) , GM (Glass Molded Aspherical) และ hybrid aspherical อีก 2 ชิ้น โดยชิ้นเลนส์เหล่านี้มีส่วนช่วยให้ลดจำนวนการใช้เลนส์ลงและยังช่วยให้ขนาดและน้ำหนักลงไปพร้อมกันด้วย    เชื่อว่าต้องมีคนสงสัยเรื่องชื่อแน่นอนสำหรับเลนส์ตัวใหม่จะอยู่ในซีรี่ย์  RXD(Rapid eXtra-silent stepping Drive) ที่จะมาสนุบสนุนในเรื่องของออโต้โฟกัสที่เงียบลงกว่าเดิมและเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยทางแมรอนรับประกันว่าตอนถ่ายวีดีโอจะเงียบสนิทไร้เสียงรบกวนแน่นอน  โดย Tamron 28-75 mm F/2.8 Di III RXD  จะเริ่มวางขายได้ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2018 ในราคา 800 USD หรือประมาณ 25293.65 บาทไทย ถือว่าเป็นราคาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาก หลังจากที่หลายคนต้องเจ็บปวดกับเลนส์ที่มีระยะใกล้เคียงของค่ายโซนี่ที่ถีบราคาไปสูงถึง 80000 กว่าบาท ซึ่งการออกเลนส์ระยะสารพัดประโยชน์นี้ออกมาเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ช่างภาพลงไปเยอะและเรื่องน้ำหนักเองที่ต้องรอบรับว่าเบามากขึ้นช่วยให้การใช้งานและภาพลักษณ์เมื่อประกอบเข้ากับกล้องแล้วไม่ได้ดูตลกอย่างที่สาย DSLR มักจะชอบแซวกัน สำหรับเมืองไทยคาดว่าในเร็วๆนี้คงมีข่าวประกาศวางขายและราคาในไทยออกในไม่ช้านี้    ที่มา www.dpreview.com

Rolleiflex คืนชีพหลังจากหายหน้าไปกว่า 50 ปี

สำหรับช่างภาพวัยดักแก่คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับกล้อง Twin-lens reflex กล้องยอดนิยมในอดีตตั้งแต่ปี 1927 ซึ่งในปัจจุบันนั้นหาซื้อตามร้านค้าทั่วไปยากมากขึ้น เว้นแต่หาดูตามร้านขายกล้องเก่า แต่ในปีนี้ Rolleiflex จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในแบบดิจิตอลชื่อ Rolleiflex Instant Kamera หลังบริษัท Rollei ออกมาส่งสารถึงโลกออนไลน์ว่าเจ้าเพื่อนเก่าสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะกลับมาโลดแล่นบนตลาดกล้องอีกครั้ง สำหรับประวัติความเป็นมาของเจ้า Rolleiflex ต้องย้อนกับไปในปี 1927 ก่อตั้งโดยสองเกลอ Paul Franke (de) และ  Reinhold Heidecke ร่วมก่อตั้งภายใต้ชื่อบริษัทว่า Werkstatt für Feinmechanik und Optik, ก่อนจะมีการปรับเปลี่ยนไปหลายชื่อจนท้ายที่สุดใช้ชื่อ Rollei Fototechnic GmbH & Co. KG ในปี 1981 จนมาในปี 1995 บริษัทแดนกิมจิ ซัมซุงเข้าซื้อบริษัทก่อนจะเปลี่ยนมืออีกครั้งหลัง Danish investment group เข้ามาเหมากิจการพร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทระดับตำนานนี้อีกครั้งในชื่อ Rollei GmbH ในปี 2004  โดยในตอนนี้บริษัทกำลังเปลี่ยนผ่านตัวเองเข้าสู่ยุคโลกดิจิตอลมากยิ่งขึ้น … Read more

5 เทคนิคดีชวนแบบยิ้มไปกับช่างภาพ

เคยเป็นกันไหมชวนเพื่อน ชวนแบบ จ้างสาวมาถ่ายภาพแต่บรรยากาศรอบตัวไม่เอื้อให้ให้ยิ้มเท่าไร บางกรณีได้บรรยากาศดีแต่คนถูกถ่ายดันเกร็งหน้าเป็นหุ่นกระบอกเสียแบบนั้น ชวนคุยหลายเรื่องแต่ไม่เคยจะโดนใจแถมยังไปเพิ่มความเครียดให้แบบซะงั้น งานนี้ Foto Update นำเสนอเทคนิคดีๆที่จะช่วยให้แบบผ่อนคลาย ยิ้มแย้มแจ่มใสให้ความร่วมมือเยี่ยมไม่ต้องจ้างคณะตลกมาสร้างอากาศให้เปลืองเงิน 1.คุกกี้เสี่ยงทาย คุยเรื่องฟีลกู๊ดช่วยให้ยิ้มสมูทไร้รอยต่อ การถ่ายรูปก็เหมือนการออกเดต เหมือนชีวิตคู่ซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะไปด้วยกันแบบไม่มีความเคือง การพูดคุยในเรื่องดีๆชวนฟีลกู๊ดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว อย่างเรื่อง กิน เรื่องเที่ยว ดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือ หรือเรื่องที่แบบเราชอบ เป็นการช่วยให้แบบผ่อนคลายพร้อมยืนยิ้มไปกับเรา เมื่อหลายปีก่อน ช่างภาพนามกระเดื่อง Stephen Eastwood เล่าถึงเทคนิค The Cookie Trick ช่วยให้แบบผ่อนคลายว่า “ผมชอบเทคนิคนี้มากๆ เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องไปบังคับแบบมาก วิธีพูดของผมก็จะง่ายๆประมาณว่า ลองปิดตาแล้วนึกถึงตอนที่คุณเดินเข้าไปในครัวและสัมผัสกลิ่นหอมๆของช็อคโกแลตชิปกำลังอบอยู่ในเตา ผมเชื่อว่าคุณต้องรักกลิ่นนี้จนอยากจะพามันกลับบ้านเลยแหละ” แค่นี้ผมก็ได้รอยยิ้มของแบบมาครองเรียบร้อย เปลี่ยนจากคำว่า “คุณ” มาเป็น “เรา”แบบดาร์ธ เวเดอร์ ใครจำฉากที่พระเอกกำลังโดนพ่อของตนชวนเข้าด้านมืดในภาพยนตร์ Star Warไหม เขาใช้คำว่าเราจะครองจักรวาลด้วยกัน เพราะคำว่าเราแสดงถึงความเป็นกลุ่ม ทีมเดียวกัน เรื่องการถ่ายภาพก็เหมือนกันช่างภาพควรหมั่นใช้สรรพนามว่า “เรา” จะทำให้แบบรู้สึกว่าเป็นทีมเดียวกันการเป็นกลุ่มเดียวกันต้องช่วยเหลือกันเพื่อให้งานลุล่วงไปด้วยดี เป็นผลงานของทุกคนไม่ใช่ของใครคนหนึ่ง 3.อย่าไปวิจารณ์รูปลักษณ์เขาละ เชื่อว่าช่างภาพสายบุคคลไม่มีใครจะไปบ่นเรื่องรูปลักษณ์ … Read more

ไอเดียเด็ด เปลี่ยนรถซูเปอร์คาร์ให้เป็น Camera Car สุด Fast

หากใครเคยดูเบื้อหลังภาพยนตร์อาจจะเห็นรถติดกล้องวิ่งไล่ตามตัวละครเวลาถ่ายในฉากซิ่งรถบนถนน  หลายกองถ่ายก็ใช้รถกระบะหรือรถเก๋งตามแต่กองถ่ายจะใช้กัน แต่วันนี้มีกองถ่ายไฮโซนำรถซูเปอร์คาร์มาทำเป็น Camera Car สุดจ๊าบที่ใครเห็นต้องชมในความเท่ห์และความเร็วของคันนี้ ถ้านำไปใช้แล้วอาจมีวิ่งเลยกองถ่ายไปเลยก็ได้ ไอเดียสุดอลังการครั้งนี้เกิดจากทีม Incline Dynamic Outlet ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ภัยธรรมชาติเรื่อง The Deadliest Catch โดยทางทีมงานมีความคิดตรงกันว่าอยากให้กล้องติดกับรถที่เร็วกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ทีมงานจึงตัดสินใจลองหารถซูเปอร์คาร์มาทดสอบเพื่อเติมความเร็วให้สามารถ่ายสะดวกทุกสถานการณ์ ไม่ว่าวิ่งตามรถเร็วแค่ไหน “เรื่องมันน่าสนุกนะเมื่อเราเอาเงินกว่า 1600 ปอนด์ไปลงกับ SUV และพยายามเล่น Track บนรถที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลก ที่เร่งไปได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง มันแจ๋วแค่ไหนละ”  Nathan Garofalos ให้สัมภาษณ์กับ เว็บไซต์ Petapixel บนสถานที่ถ่ายทำบนเกาะระยะทางยาวกว่า 4 ไมล์ ทีมงานแสบตัดสินใจที่จะใส่กล้องวีดีโอไว้บนลัมโบร์กินี รถโคตรซูเปอร์คาร์และผลที่ออกมาก็น่าพอใจมากทีเดียว ช่วงแรกทีมงานนำรถ Audii R8 และอีกหลายๆรุ่นไปลองทดสอบ จนสุดท้ายพวกมาตกลงปลงใจกับ Lamborghini Huracán รสสายซิ่งที่มากับความเตี้ยกว่าชาวบ้านอยู่ ¾ ที่จะช่วยให้ลู่ลมและไม่ต้านแรงโน้มถ่วงมากนักทำให้รถกระทิงดุสามารถทำความเร็วได้มากยิ่งขึ้น ด้านการติดตั้งทีมงานต้องใช้เวลากว่า 1 เดือนและเงินทุนกว่า 500,000 ดอลลาร์ สำหรับการติดตั้งกล้องลงบนรถสุดไฮโซ … Read more

LEX แต่ใจไม่เล็ก กล้องฟิล์ม DIY สาย Mount Sony ทำเองขายเอง

คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนทำกล้องฟิล์มที่สามารถใช้เลนส์ค่ายโซนี่ E-Mount ออกมา จนในที่สุด นาย Alexander Gee สร้างกล้องฟิล์มตัวแรกที่สามารถใช้เลนส์ ดิจิตอลแรงๆ ของโซนี่ออกมาได้สำเร็จ หลังจากเขาประสบกับความรำคาญใจที่กล้องฟิล์มตัวโปรดไม่สามารถใช้เลนส์โซนี่ไม่ได้ เรียกเสียงชื่นชมเต็มกาละมังไปหลายใบกับโปรเจคแสบแหกจักรวาลโซนี่ไปเต็มๆ กับกล้องฟิล์มโปรโตไทป์นามจิ๋ว LEX กับเรื่องที่ไม่เล็กตามชื่อ หลังนาย Alexander Gee ประสบปัญหาหนักใจเมื่อกล้องฟิล์มตัวเก่งของเขากับเลนส์โซนี่ 18 มม. ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ คุณ Gee จึงตัดสินครั้งใหญ่ด้วยการลองประดิษฐ์กล้องฟิล์ม Mount โซนี่ของตนเองเสียเลย โดยเอาระบบไฟฟ้าของโซนี่มาจากกล้องที่ตกแตกแต่ภายในยังใช้ได้อยู่ “ผมต้องเรียนรู้พวกโปรแกรมออกแบบอย่าง CAD และการออกแบบกล้อง แน่นอนว่ามันค่อนข้างท้าทายผมมากทีเดียว พอผมค้นคว้ามาสักระยะผมก็มาสนใจพวกพิมพ์ 3D กระบวนการผลิต และวิทยาศาสตร์ด้านวัตถุดิบ จนในที่สุดผมก็สามารถสร้างชิ้นส่วนเล็กๆจากเหล็กเพื่อกล้อง LEX ซึ่งกระบวนการผลิตก็สนุกมากและตอนนี้ผมคิดว่าผมอยากได้เลนส์สักชุดใส่กระเป๋าผม” Alexander Gee ให้สัมภาษณ์กับ sonyalpharumors สื่อออนไลน์ชื่อดังที่ชอบติดตามข่าวของโซนี่หลังจากที่เขาผลิตกล้อง LEX รุ่นโปรโตไทป์ออกมาสำเร็จ โดย Gee มีแผนที่จะปล่อยตัวสมบูรณ์ออกมาหลังจากเขาปรับปรุง LEX ให้ดีขึ้นกว่านี้ พร้อมมีแผนว่าจัดแคมเปญระดมทุนเหล่าผู้สนใจ (crowdfunding) โดยสำหรับใครที่อยากจะร่วมลงขันก็สามารถไปลงทะเบียนร่วมสร้างกันได้ที่ http://www.lexoptical.com/ … Read more

Phottix Ares II Wireless ทริกเกอร์ดีที่ต้องมีไว้ประจำตัว

สำหรับช่างภาพที่ชอบใช้แฟลชแยกออกจากตัวกล้องบ่อยอาจจะคุ้นหน้ากับพวกทริกเกอร์ไร้สายอยู่บ้างแล้วเพราะในตลาดตอนนี้ก็มีหลายค่ายไม่ว่าจะฝั่งจีนที่มักจะมีราคาถูกเลยไปถึงของฝั่งยุโรปที่มีคุณภาพดีกว่าแต่ราคาก็สูงเอาเรื่องเช่นกัน  งานนี้ Foto update ขอแนะนำทริกเกอร์ค่ายใหม่ที่เข้าไทยมาได้สักพักแต่คนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จัก สวนทางกับต่างชาติที่รู้จักและนิยมซื้อมาใช้งานเหตุเพราะคุณภาพดีคุ้มราคา ครั้งนี้จะขอแนะนำทริกเกอร์น้องเล็ก ราคาน้อยแต่ความสามารถไม่น้อย แม้ทุกวันนี้ทริกเกอร์เองก็มีการพัฒนาให้รองรับ High Speed Sync กับแฟลชรุ่นใหม่ๆที่ออกวางในตลาดเพราะคนส่วนใหญ่นิยมใช้ฟังชั่นนี้มากขึ้นและยังเป็นปัจจัยหลักในเลือกซื้อด้วย ส่วนระบบออโต้ของแฟลชหรือ TTL ก็มีการพัฒนาให้สามารถคำนวณการใช้แสงได้แม่นยำ แน่นอนว่าการหาทริกเกอร์ดีๆมาใช้ย่อมช่วยให้การทำงานของช่างภาพง่ายขึ้น เพราะมีทริกเกอร์บางตัวที่เวลาใช้งานยังมีสัญญาณหลุดบ้างหรือระยะห่างไม่ควรมากนักซึ่งถ้าเป็นทริกเกอร์คุณภาพดีๆ จะไม่มีปัญหา แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย แต่สำหรับเจ้า Phottix Ares II Wireless ค่าย Phottix ที่เข้ามาในไทยอย่างเป็นทางการ โดยเจ้าตัวนี้มาพร้อมกับจอ LCD ปุ่มใช้งานที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น พร้อมแชนแนลที่มีถึง 16 ช่องให้เลือกใช้และสามารถจัดกลุ่มการสั่งงานได้ 4 กลุ่ม ระยะการทำงานจะอยู่ที่ 150 เมตร ไม่มีหลุดและยังรองรับการใช้งานไฟสตูดิโอและแฟลชค่ายของ Phottix ได้สบายๆ แถมยังใช้งานกับกล้อง Nikon Canon Sony (MIS), Pentax, Panasonic, Fuji และ Olympus สำหรับถ่านที่ใช้สำหรับตัวส่งและตัวรับจะอยู่ที่ฝั่งละ 2 ก้อน … Read more

Harold Feinstein ช่างภาพหัวใจดนตรีกล่อมโลก

อพาร์ทเม้นท์หมายเลข 821 ของช่างภาพ Harold Feinstein ในช่วงวัยรุ่นที่อาศัยห้องเล็กๆ ในจัตุรัสตลาดดอกไม้ย่านชานเมืองของนิวยอร์ก สถานที่ที่อบอวลไปด้วยเสียงจอแจตามแบบฉบับตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายต่างเจรจาราวกับวงดนตรีแจ๊สหลายสิบวงกำลังแข่งขันบรรเลงเพลงสุดขบถไม่ซ้ำแบบ ไม่มีธรรมเนียมกฎเกณฑ์ใดๆ ขวางกั้นจินตนาการราวกับว่าโลกดนตรีของพวกเขากว้างไกลไร้ขอบเขตและเสรี ภาพถ่ายก็คงไม่ต่างกันนักในสายตาของช่างภาพนิวยอร์กเกอร์ที่ต่อมาเขาจะบรรเลงเพลงผ่านภาพถ่ายให้คนทั่วโลกได้รู้จัก Jazz Scene ของ Harold Feinstein Harold Feinstein ช่างภาพชาวอเมริกัน พื้นเพเป็นคนนิวยอร์กแถว Coney Island ย่านชานเมืองที่อุดมไปด้วยความหลากหลายไม่ว่า แอฟริกา รัสเซีย อิตาลีและยังมีกลุ่มคนหลายศาสนามาอาศัยร่วมกันซึ่งเป็นผลดีของเขาที่จะได้ทำความรู้จักพร้อมรับรู้ประสบการณ์ที่หลากหลาย จากการเดินทางเที่ยวเล่นตามประสาเด็กที่มีงบวันละ 25 เซนต์ เมื่ออายุย่างเข้า 15 ปีชีวิตของ Harold ก็เลือกที่จะเลือกเดินทางสายช่างภาพที่เขาชอบ จากการฝึกฝนมากว่า 2 ปีทำให้เขามีงานแสดงภาพของตัวเองในแกลเลอรี่ชื่อดังอย่าง Manhattan Limelight Gallery  ในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น และอีก 6 ปีต่อมาเขาเข้าร่วมกองทัพเพื่อเข้าสู่สมรภูมิสงครามคาบสมุทรเกาหลีในฐานะช่างภาพสงครามครั้งแรก “ในตอนนั้นผมอยากเข้าร่วมสงครามในฐานะช่างภาพ ซึ่งโชคก็เข้าข้างผมเต็มๆ ผมได้เข้าร่วมกับกองทัพบกและได้พกกล้องติดตัวเดินทางตลอดการรับใช้ชาติ” Harold Feinstein รำลึกถึงความหลังในช่วงเวลาที่เขามีโอกาสได้เก็บภาพสงครามและผลงานของเขาได้รับการยกย่องในวงกว้างพร้อมกับการมีชื่อเสียงขึ้นมาทันที เมื่อกลับมาที่นิวยอร์ก บรรยากาศรอบเมืองกำลังอบอวลไปด้วยงานศิลปะแนว Abstract … Read more

มหากาพย์ ลิง เซลฟี่ ยังไม่จบ ศาลกร้าวต้องพิจารณาต่อ 

เชื่อว่ามีหลายคนคิดว่าดราม่าเรื่องลิงเซลฟี่จบลงตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังคู่กรณีหลายฝ่ายตกลงที่จะจบข้อพิพาทนี้ร่วมกันในปลายปี 2017 ที่ผ่านมา หลังจากขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นรักสามเส้ามากว่า 7 ปี แต่สุดท้ายศาล the Ninth Circuit ของอเมริกาที่รัฐเวอจิเนียออกมากล่าวถึงกรณีนี้ว่า ศาลจำเป็นต้องตัดสินคดีนี้ให้จบแม้จะมีการเจรจากันเรียบร้อยแล้ว จุดเริ่มต้นดราม่ารสลิงแสมเริ่มต้นในปี 2011เมื่อช่างภาพชาวฝรั่งเศสชื่อ  David Slater เดินทางไปถ่ายภาพที่เมือง สุราเวสี ประเทศอินโดนีเซีย โดยในตอนนั้น Slater เดินทางเข้าป่าเพื่อเก็บภาพธรรมชาติและลืมกล้องตัวนึงไว้ในป่า ซึ่งขณะนั้นเองเจ้าลิง นารูโตะ ผ่านมาจึงหยิบมาเล่นตามประสาลิงซนและได้กดชัตเตอร์เซลฟี่หน้าตัวเองไว้เป็นที่ระทึกก่อนจะเดินจากไป ภายหลังที่ช่างภาพได้กล้องกลับมาก็พบภาพดังกล่าวและโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้โลกอย่างมากทั้งข่าวและการพูดถึงกันในวงกว้าง จนสุดท้ายเว็บไซต์ วิกิพีเดียก็จัดการคัดลอกรูปภาพไปลงเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เจ้าของภาพอย่างมากจนติดต่อไปเพื่อขอค่าลิขสิทธิ์ แต่ทางเว็บไซต์สารานุกรมก็ตอบกลับมาว่ารูปนี้ไม่มีลิขสิทธิ์เพราะเจ้าลิงนารุโตะเป็นคนถ่ายด้วยตนเอง ซึ่งตามกฎหมายแล้วสัตว์ไม่น่าจะถือลิขสิทธิ์งานของตนเองได้ จากวาทะเด็ดของวิกิทำให้ช่างภาพจัดการดำเนินคดี ในระหว่างการพิจารณาคดีนั้นเอง PETA องค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์และสิทธิของสัตว์ เป็นอีกตัวละครใหม่อีกตัวออกโรงร่วมแจมทวงลิขสิทธิ์ภาพให้เจ้าลิงด้วย ทำเอาคดีนี้ยืดยาวมาเรื่อยๆจนมากินเวลากว่า 7 ปี ความสนุกสนานของดราม่าเรื่องนี้ก็วนเวียนอยู่ในชั่นศาลมาเรื่อยๆ ทั้งเรื่องที่สัตว์ไม่สามารถถือครองลิขสิทธิ์เพราะในอเมริกานั้นมองว่าสัตว์ไม่ใช่องค์กรหรือบุคคลที่จะสามารถตกลงทำธุรกรรมด้านสิทธ์ได้ แต่ทาง PETA เองก็พยายามดันเรื่องนี้ ส่วนช่างภาพ David Slater เจ้าของกล้องก็พยายามยืนยันว่ารูปนี้ต้องเป็นลิขสิทธิ์ของตนเพราะกล้องที่ใช้ถ่ายเป็นของตนเอง ส่วน Wiki ก็ใช้ช่องว่างทางกฎหมายยืนยันว่าการกระทำของตนถูกต้อง ท่ามกลางความชลมุลศึกสามฝ่ายที่ไม่มีใครยอมใคร ศาลจึงแนะนำให้คู่กรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกให้เรื่องนี้จนสุดท้ายว่า ช่างภาพ Slater ยอมตกลงที่จะบริจาคเงิน 25 เปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการขายรูปนี้ให้กับมูลนิธิที่ดูแลลิงแสมอย่างเจ้า นารูโตะ ซึ่งทาง PETA เองก็ออกมายืนยันว่าสัตว์ทุกตัวย่อมมีสิทธิที่จะถือครองลิขสิทธิ์ของตนเองได้เหมือนกับคน แต่ข้อความดังกล่าวกลับสร้างความบันเทิงใหม่ขึ้นมาทันทีเพราะศาล   The Ninth Circuit มองว่าการตกลงครั้งนี้กำลังจะขัดต่อกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์และจะสร้างข้อพิพาทอื่นๆตามมาดังนั้นกรณีเรื่องนี้ศาลจะจัดการไต่สวนอย่างเป็นทางการและตัดสินลงรายลักษณ์อักษรอีกที ดราม่าลิงยังคงดำเนินต่อไป ใครเชียร์ฝั่งไหนยังต้องลุ้นไปยาวๆ